ตำนานลูกหนัง : ‘อูไน เอเมรี่’ ชายผู้ปลุก ‘สิงห์ผงาด’ ให้กลับมาผยอง
ชายผู้เป็นฮีโร่ของ แอสตัน วิลล่า ณ เวลานี้ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก อูไน เอเมรี่ ที่สามารถพาสโมสรแห่งนี้กลับไปเล่นฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1982 และพาทีมขึ้นไปอยู่ระดับท็อปบนเวที พรีเมียร์ลีก
ในวัยเด็ก นายใหญ่ชาวสแปนิช ชื่นชอบที่จะอ่านหนังสือเป็นอย่างมาก ถึงขั้นถูกครอบครัวบอกว่า เขาคือ ‘หนอนหนังสือตัวจริง’ โดยเจ้าตัวรู้จักฟุตบอลมาตั้งแต่เยาว์วัย เพราะปู่และพ่อของตนเองค้าแข้งให้กับให้กับ เรอัล โซเซียดาด ทำให้ทุกคนหวังว่า อูไน จะเดินตามรอยเท้านั้น แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง ซึ่งเรื่องราวของกุนซือ ‘ขุนค้อน’ จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้น ติดตามอ่านต่อได้ที่นี่
งานของผมคือการเป็นผู้จัดการทีม
ก่อนจะไปติดตามเรื่องราวของ อูไน เอเมรี่ กันต่อ ตอนนี้ LS Sport เพิ่มเกมตอบคำถามแฟนบอลพันธุ์แท้รายวัน และเกมโหวตทายผล ลุ้นรับไอเทมนักเตะระดับตำนานแบบไม่ต้องเติมเงินสักบาทเลย! ก็อย่าลืมรีบไปตุนเหรียญ-เก็บเลเวลกันก่อนหมดเขตนะครับ
อูไน เอเมรี่ นั้นได้เดินทางไปถึงระดับนักเตะอาชีพแล้ว โดยเคยลงเล่นให้กับ เรอัล โซเซียดาด ไปเพียง 5 นัดเท่านั้น ในฤดูกาล 1995/96 แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร สุดท้ายก็ล่องลอยหายไปตามระบบพีระมิดฟุตบอล นั่นอาจฟังดูน่าเสียดาย แต่สำหรับเขาแล้ว กลับโล่งใจ เพราะจริง ๆ แล้ว เจ้าตัวรู้ตั้งแต่แรกว่า เขาไม่ใช่นักฟุตบอลที่ดี
เฮดโค้ชวัย 53 ปี จำคำหนึ่งของ จอน โตแช็ค กุนซือชาวเวลส์ ที่เคยเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล และ กุนซือ เรอัล มาดริด ก่อนที่จะมาคุม โซเซียดาด ได้ขึ้นใจว่า “โค้ชที่ดี จะต้องทำตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาทำตอนเป็นนักเตะ” ทำให้เจ้าตัวคิดว่านั่นคือสิ่งที่เหมาะสำหรับเขามากกว่า
ชีวิตค้าแข้งเริ่มถดถอย แต่เส้นทางใหม่ก็เริ่มขึ้น อูไน เริ่มกลายเป็นนักเตะกึ่ง ๆ โค้ชในช่วงที่เล่นในลีกล่าง เจ้าตัวช่วยผู้จัดการทีมจัดวิธีการฝึกซ้อม มีส่วนออกความคิดเห็นในห้องวิเคราะห์แท็คติกเสมอ ก่อนที่เขาจะได้รับงานแรกกับทีมยอร์ก้า สโมสรสุดท้ายที่เขาเป็นนักเตะ เรื่องมันเกิดขึ้นก่อนคริสต์มาสปี 2004 เมื่อนายใหญ่คนเก่าโดนไล่ออก ประธานเทคนิคของทีมได้เลือกอดีตแข้งรายนี้ให้ขยับจากนักเตะตำแหน่งกองกลาง ขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชเต็มตัวครั้งแรก หลังจากนั้นเส้นทางเทรนเนอร์ของเขาเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนั้น
จุดเด่นของอดีตผู้จัดการทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง คือใส่ใจเรื่องโปรแกรมฝึกซ้อมมาก ทุก ๆ เซสซั่น เขาจะไม่ปล่อยให้มือขวาออกแบบวิธีการฝึก เขาจะเป็นคนให้ไอเดีย คิดวิธีการ และจากนั้นเฝ้าดูการซ้อมของลูกทีมอย่างตั้งใจ เพื่อให้ได้เห็นว่าใครคือคนที่ยังไม่เข้าใจ ขณะที่ในการแข่งแต่ละเกม อูไน จะมานั่งดูเทปและหาจุดบกพร่องเสมอ เรียกนักเตะมาเคลียร์แบบชัด ๆ ว่าเขาผิดพลาดตรงไหนแบบไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกัน
เฮดโค้ชรายนี้ เติบโตในหน้าที่การงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้โอกาสคุมสโมสรที่ใหญ่ขึ้น มีความสำเร็จมากขึ้น จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันกับ แอสตัน วิลล่า ที่ที่เขากำลังได้ทำในสิ่งที่อยากทำที่สุดนั่นคือ ‘การสร้างอาณาจักร’ กล่าวคือ อูไน เป็นกุนซือประเภทที่ไม่ได้ทำงานอยู่ที่ไหนยาว ๆ เต็มทีก็คือ 2 ปี และในช่วงเวลา 2 ปี เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าพยายามแก้ปัญหาให้ทีมไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม อาณาจักรของเขาไม่ใช่แบบนั้น เจ้าตัวคือคนที่อยากจะมีส่วนในทุก ๆ ด้านเรื่องฟุตบอล ชนะใจนักเตะทุกคนในทีมได้ ได้เลือกนักเตะที่ตัวเองต้องการ พูดง่าย ๆ คือเขาอยากเป็นโค้ชผู้ยิ่งใหญ่ สร้างมรดกให้กับทีม ๆ หนึ่งแบบที่ตำนานโค้ชรุ่นก่อน ๆ เคยสร้างเอาไว้
ฟุตบอลของ อูไน เอเมรี่ แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วที่ แอสตัน วิลล่า ว่า พวกเขามีเกมรับที่เหนียวแน่น ทุกคนจะช่วยไล่บอลและบีบพื้นที่ไม่เว้นแม้แต่กองหน้าตัวเป้า ระเบียบวินัยจัดเต็ม เสียประตูยาก และเมื่อมีโอกาสจะบุก ผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังจากเข้ามาเป็นตัวเลือกให้คนที่มีบอลได้มีวิธีเลือกเล่นเพิ่มขึ้น
ว่ากันว่า กุนซือหนอนหนังสือรายนี้ จะกลับมาดูเกมการแข่งของทีมตัวเองทุกนัด นัดละ 4 ครั้ง หลังจากคุมทีมข้างสนามเสร็จ เพราะเจ้าตัวจะเริ่มไล่เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และความผิดพลาดของลูกทีม เพื่อนำมาแก้ไขให้ดีขึ้น
ซึ่งทำให้ตอนนี้นักเตะภายในทีมของ ‘สิงห์ผงาด’ กำลังเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้นภายใต้การทำทีมของเขา ส่วนคนที่ไม่ใช่จะเริ่มค่อย ๆ ถูกคัดออก และคนที่เข้ามาใหม่จะต้องเป็นคนที่ตอบโจทย์ทั้งในสนามและในห้องแต่งตัว
โดยเคยมีรายงานจาก The Athletic เผยว่า ผู้เล่นภายในทีม วิลล่า ตอนนี้มอบใจให้ อูไน เอเมรี่ และพร้อมจะทำตามโดยไร้เงื่อนไขแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เคยเป็นปัญหาจากที่อื่น เช่นการโดนนักเตะบ่นเรื่องการประชุมทีมที่ยาวนานหลายชั่วโมง หรือการเข้มเรื่องวินัย เช่นการห้ามกินอาหารมื้อสายทั้งในวันที่ซ้อมและวันแข่ง มันไม่เคยเกิดขึ้นในถิ่น วิลลา พาร์ค
อูไน ตั้งใจที่จะสร้างโครงสร้างที่แข็งแกร่ง เจ้าตัวได้รับใบอนุญาตอย่างรวดเร็วจากบอร์ดบริหารในการเดินหน้าจัดระเบียบสโมสรใหม่ตามภาพลักษณ์ของเขาที่วางไว้ โดยเชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและยั่งยืน มีความสำคัญมากกว่าการมีเงินใช้ในตลาดซื้อขายนักเตะ ส่วนเรื่องของการจัดการด้านแผนกฟุตบอล วิลล่า ให้สิทธิ์ผู้จัดการทีมรายนี้อย่างเต็มที่ เพื่อพาสโมสรแห่งนี้ก้าวไปหน้า
ตอนนี้ทีมงานต่าง ๆ ทั้งในชุดใหญ่ และสำรอง เป็นคนที่เขาคัดและวิเคราะห์มาด้วยตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น สต๊าฟ, นักวิเคราะห์เกม, แพทย์ รวมถึงการตั้งที่คนรู้มือสนิทสนมกันอย่าง ดาเมี่ยน วิดกานี่ มาเป็น ผู้อำนวยการปฏิบัติการฟุตบอล และจ้าง มอนชี่ ที่เคยทำงานกับเขามาตั้งแต่ตอนคุม เซบีย่า มาทำงานร่วมกันในฐานะ ประธานปฏิบัติการฟุตบอล และ ณ ตอนนี้ต้องบอกว่าทุกคนเข้าขากันได้เป็นอย่างดี
และนี่คือเรื่องราวของชายที่ชื่อว่า อูไน เอเมรี่ ที่สามารถปลุก แอสตัน วิลล่า ให้กลับมาผงาดได้อีกครั้ง
ถึงแม้หลายคนจะคิดว่า อูไน เอเมรี่ เป็นคนเข้มงวดจนทำให้นักเตะอึดอัด แต่การทำเช่นนี้ก็เพื่อสโมสร และตัวลูกทีมของเขาเอง ซึ่งถ้าผมได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ผมก็อยากได้ผู้จัดการทีมแบบเขามาเป็นนายใหญ่เช่นกัน
เขียนโดย LS Sport
ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง